Table of Contents

เทรนการทำงานบนระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติในปี 2025: สถิติสำคัญและข้อมูลเชิงลึกเพื่อความสำเร็จ

Workflow Automation Trends 2025

Share

Table of Contents

แนวโน้มหลักของระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติในปี 2025 มีอะไรบ้าง?

การเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มที่เป็นเวิร์กโฟลว์การทำงานอัตโนมัติผ่านบนคลาวด์ทำให้ซอฟต์แวร์การทำงานอัตโนมัตินั้นสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ธรุกจิต่างๆสามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นต่างๆโดยที่ไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่มหรือระบบที่ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ด การกระจายระบบการทำงานผ่านเครื่องมือที่เป็นระบบอัตโนมัติที่ทำให้ระบบการทำงานทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้ทั่วทั้งองค์กร ช่วยให้พนักงานสามารถใช้ระบบอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระการทำงานที่ต้องทำด้วยตนเองและเพิ่มผลผลิตโดยรวมของแต่ละแผนกให้มากขึ้น

นอกจากนี้แล้วการผสานรวมระบบ AI ให้เข้ากับระบบการทำงานแบบอัตโนมัติของธุรกิจจะช่วยให้ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติทำงานได้อย่างชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นและช่วยให้ทำงานง่ายอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้องค์กรต่างๆสามารถทำกระบวนการทำงานที่ซับซ้อนกลายเป็นระบบการทำงานอัตโนมัติได้ เมื่อธุรกิจต่างๆพยายามเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานแบบดั่งเดิมสู่ระบบดิจิทัล ความจำเป้นในการใช้ระบบอัตโนมัติของกระบวนการทางธุรกิจนั้นยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ผลกระทบของระบบการทำงานที่เป็นอัตโนมัตินั้นเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น โดยทำให้บริษัทต่างๆรายงานว่ากระบวนการที่ใช้เวลานานลดลงอย่างมาก เนื่องจากระบบการทำงานที่เป็นอัตโนมัตินั้นมีเนวโน้มที่จะทำให้กระบวนการทำงานทีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้กระบวนการเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างการจัดการกระบวนการทางธุรกิจ ช่วยให้องค์กรต่างๆ ยังคงสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

สถิติบอกอะไรเราบ้าง?

การทำงานผ่านระบบอัตโนมัตินั้นได้รับการยอมรับมากขึ้นในยุคการทำงานปัจจุบันและได้ถูกยอมรับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ ผลิตภาพ และความคุ้มทุน สถิติล่าสุดเน้นย้ำถึงการนำไปใช้ที่เพิ่มขึ้นและประโยชน์มากมายที่ระบบนี้มอบให้ในอุตสาหกรรมต่างๆ

บริษัทจำนวนมากยอมรับถึงข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่ได้จากการเวิร์กโฟลว์การทำงานแบบอัตโนมัติ โดยธุรกิจประมาณ 75%1 มองว่าเวิร์กโฟลว์การทำงานแบบอัตโนมัติเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญในตลาด และคาดการณ์ว่าตลาดการทำงานอัตโนมัติของเวิร์กโฟลว์ทั่วโลกจะมีมูลค่าถึง 18,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025

นอกจากนี้แล้ว เจ้าของธุรกิจกว่า 70% เชื่อว่าระบบอัตโนมัติช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับขนาดการดำเนินงานได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเน้นย้ำถึงบทบาทของระบบอัตโนมัติในการเติบโตและการปรับตัวของธุรกิจ

ในแง่ของประสิทธิภาพและผลผลิต ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติได้แสดงผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง โดยสามารถลดงานซ้ำซากได้ 60-95% ทำให้ประหยัดเวลาในการทำกิจกรรมประจำวันได้มากถึง 77%

ผลกระทบต่อการลดข้อผิดพลาดและการเพิ่มความแม่นยำนั้นมีความสำคัญต่อธุรกิจเช่นกัน โดยที่ซอฟต์แวร์การทำงานผ่านระบบอัตโนมัติช่วยให้ลดข้อผิดพลาดในการทำงานได้มากกว่า 37% และเพิ่มความแม่นยำของข้อมูลได้ 88% ซึ่งดีกว่าวิธีอื่นๆ นอกจากนี้ องค์กร 32% รายงานว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการทำงานของพนักงานนั้นลดลงเนื่องจากการเปลี่ยนไปทำงานบนระบบอัตโนมัติ สิ่งเหล่านี้ช่วยเน้นย้ำถึงบทบาทและความสำคัญของระบบอัตโนมัติในการปรับปรุงความแม่นยำในการปฏิบัติงาน

ส่วนผลกระทบทางเรื่องการเงิน ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) จากระบบอัตโนมัติเวิร์กโฟลว์นั้นน่าสนใจมาก ธุรกิจมากกว่าครึ่ง (54%) คาดว่าจะได้รับ ROI ภายใน 12 เดือนหลังจากการใช้งาน

อัตราการยอมรับของอุตสาหกรรมต่อระบบการทำงานแบบอัตโนมัตินั้นสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มมากขึ้นต่อระบบเวิร์กโฟลว์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 91% ของธุรกิจรายงานว่ามองเห็นกระบวนการต่างๆ หลังจากที่ได้เปลี่ยนกระบวนการทำงานมาเป็นระบบอัตโนมัตินั้นเป็นไปได้ดีขึ้น นอกจากนี้แล้ว กว่า 89% ของบริษัทได้กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบใหม่หลังจากการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ ซึ่งบ่งชี้ถึงผลกระทบเชิงปฏิรูปต่อโครงสร้างองค์กร

AI และ Machine Learning มีบทบาทอย่างไรในระบบอัตโนมัติของเวิร์กโฟลว์

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (ML) กำลังปฏิวัติระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ ความแม่นยำ และการตัดสินใจในอุตสาหกรรมต่างๆ การผสานรวมเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจ ไม่เพียงแต่ทำให้กระบวนการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยขับเคลื่อนการเพิ่มผลผลิตอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย

ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่าธุรกิจที่นำระบบ AI มาใช้ในเวิร์กโฟลว์อาจช่วยเพิ่มผลผลิตของพนักงานได้ถึง 40%2 ในอีกสิบปีข้างหน้า จำนวนนี้อาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เน้นย้ำถึงศักยภาพของระบบ AI และ ML ในการเปลี่ยนการทำงานที่ซับซ้อนให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ ช่วยให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปกับการทำงานเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น

การนำระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI มาใช้เพื่อช่วยในการทำงานมากขึ้น ทำให้เห็นว่าผู้ใช้ปัจจุบันกว่า 74%3 ได้ระบุว่าทางองค์กรของตนนั้นมีแผนที่จะลงทุนด้าน AI เพิ่มขึ้นภายใน 3 ปีข่างหน้า โดยที่มีแนวโน้มที่จะสะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นถึงคุณค่าของการทำงานบนระบบ AI และ การมีอยู่ของระบบ ML ที่นำมาสู่การทำงานบนเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ ตั้งแต่การลดข้อผิดะลาดที่เกิดขึ้นจากการทำงานด้วยตนเอง ไปจนถึงการเร่งระยะเวลาของกระบวนการทำงานภายในองค์กร

ประโยชน์ของการทำงานบนระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสำหรับธุรกิจมีอะไรบ้าง

การทำงานผ่านระบบอัตโนมัติช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยทำให้กระบวนการที่ซ้ำซากและใช้เวลาในการทำนานกลายเป็นระบบอัตโนมัติ บริษัทต่างๆ สามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นที่การริเริ่มเชิงกลยุทธ์แทนการดำเนินการตามปกติ ด้วยการลดงานที่จำเป็นจะต้องทำด้วยตนเอง

ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติช่วยเพิ่มความแม่นยำในการทำงานโดยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของมนุษย์ให้เหลือน้อยที่สุด ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์งานที่มีคุณภาพสูงขึ้นและเกิดข้อผิดพลาดที่มีค่าใช้จ่ายน้อยลง ตัวอย่างเช่น การป้อนข้อมูลผ่านระบบอัตโนมัติช่วยให้ระบบมีความสม่ำเสมอและลดข้อผิดพลาดลง ทำให้ธุรกิจประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างมากในระยะยาว

นอกจากนั้น ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติยังช่วยส่งเสริมการทำงานระหว่างทีมที่ดีขึ้น ด้วยการอัปเดตแบบเรียลไทม์และการมองเห็นงานที่กำลังดำเนินอยู่ ความโปร่งใสนี้ช่วยให้องค์กรสามารถระบุปัญหาคอขวดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ช่วยให้แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและดำเนินโครงการต่อไปได้

ระบบอัตโนมัติยังช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าในเรื่องการใช้บริการ เนื่องจากช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองกับความต้องการได้เร็วขึ้นและมอบประสบการณ์การบริการที่สม่ำเสมอมากขึ้น ด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลงและผลผลิตทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ระบบเวิร์กโฟลว์เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

สรุปสั้นๆ ว่าระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติสามารถช่วยธุรกิจได้ดังนี้:

  • ลดภาระงานที่จะต้องทำด้วยตนเองและประหยัดเวลา
  • เพิ่มความแม่นยำด้วยการลดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด 
  • เพิ่มผลผลิตด้วยที่ซ้ำซากให้เป็นกลายเป็นระบบอัตโนมัติ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันด้วยการอัปเดตแบบเรียลไทม์
  • มองเห็นภาพรวมของเวิร์กโฟลว์และปัญหาคอขวดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าด้วยเวลาตอบสนองที่รวดเร็วขึ้น
  • ลดต้นทุนการดำเนินงานด้วยการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติช่วยปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจได้อย่างไร

ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทางธุรกิจด้วยการกำหนดมาตรฐานงานซ้ำๆ และรับประกันว่าจะเสร็จสิ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ระบบเวิร์กโฟลว์ที่เป็นอัตโนมัตินั้นช่วยให้สามารถมั่นใจได้ว่างานต่างๆ จะถูกส่งต่อไปยังบุคคลหรือทีมที่เกี่ยวข้องตามเวลาที่เหมาะสม ช่วยลดความล่าช้าและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมได้ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กระบวนการอนุมัติที่เคยใช้เวลานาน ตอนนี้สามารถทำให้เสร็จสิ้นได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงด้วยการแจ้งเตือนผ่านระบบอัตโนมัติและตามกฏที่กำหนดที่ได้ถูกตั้งไว้แล้ว

การบูรณาการระบบกับเครื่องมือต่างๆภายในบริษัท เช่น CRM, ERP และระบบการจัดการโครงการ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการรวมข้อมูลและขจัดความจำเป็นในการทำงานเดิมๆด้วยตนเอง

ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัตินั้นยังช่วยปรับปรุงการติดตามและการตรวจสอบระบบ ทำให้ผู้จัดการกับระบบได้รับข้อมูลเชิงลึกตามเวลาจริงและสามารถมองเห็นความคืบหน้าของงานที่ทำอยู่และปรสิทธิภาพของการทำงานด้วย ฟีเจอร์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจบรรลุเป้าหลายภาระด้านการบริหารและช่วยให้ทีมงานสามารถมุ่งเน้นไปในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจได้มากขึ้น ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมในทุกอุตสาหกรรม

สรุปสั้นๆ ว่า สิ่งที่คุณจะสังเกตเห็นได้เมื่อกระบวนการทางธุรกิจของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น:

  • กระบวนการมาตรฐานที่รับประกันความสอดคล้องกับระบบที่ทำงานอยู่
  • การอนุมัติและการตัดสินใจที่รวดเร็ว
  • การกำหนดเส้นทางงานไปยังบุคคลหรือแผนกที่เหมาะสม
  • การติดตามความคืบหน้าเพื่อให้มั่นใจว่าจะบรรลุเป้าหมาย
  • การผสานรวมกับเครื่องมือต่างๆ เช่น CRM, ERP และระบบการจัดการโครงการ
  • การแจ้งเตือนเกี่ยวกับงานที่ค้างอยู่หรือเกินกำหนด
  • การสร้างรายงานเพื่อการวิเคราะห์และการตัดสินใจที่ดีขึ้น

สรุปโดยย่อ

ระบบเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติได้กลายเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรหลายๆองค์กรไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากระบบเหล่านนี้ช่วยในเรื่องการรักษาความสามารถในการแข่งขันในภูมิทัศน์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและการก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการทำงานยุคปัจจุยัน ด้วยความสามารถในการปรับปรุงกระบวนการทางธุนกิจ การเพิ่มความแม่นยำในการประเมินผล และขับเคลื่อนประสิทธิภาพกการ เพิ่มความแม่นยำในการทำงาน และขับเคลื่อนประสิทธิภาพการทำงาน ระบบอัตโนมัติจึงพร้อมที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมและกำหนดนิยามการดำเนินธุรกิจใหม่

เมื่อเราเริ่มก้าวเข้าสู่ปี 2025 การนำระบบทำงานบนเวิร์กโฟลว์ระบบอัตโนมัติมาใช้ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากความก้าวหน้าของระบบ AI และ Machine Learning จะยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วต่อไป นำมาซึ่งโอกาสที่เหนือชั้นสำหรับการเติบโตและนวัตกรรม การใช้ประโยชน์จากระบบอัตโนมัติเพื่อลดภาระในการทำงาน ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และส่งมอบผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น จะช่วยให้ธุรกิจสามารถปลดล็อกประสิทธิภาพใหม่ๆ และมุ่งเน้นไปที่ลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ได้


ไม่ว่าคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพเวิร์กโฟลว์ภายในองค์กร ขยายการดำเนินงาน หรือเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า สิ่งสำคัญคือ การนำระบบอัตโนมัติมาใช้ตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในอนาคต ถึงเวลาแล้วที่จะลงทุนในโซลูชันระบบอัตโนมัติที่จะช่วยเสริมศักยภาพให้กับพนักงานและรองรับการดำเนินงานของคุณในอนาคต

  1. Jobera. Workflow Automation Statistics: Insights and Trends [2025], July 17, 2024. https://jobera.com/workflow-automation-statistics/
    ↩︎
  2. Andrew Burak. Is Your Business Ready for the Power of AI Workflow Automation? November 5, 2024. https://relevant.software/blog/ai-workflow-automation/ ↩︎
  3. Workona. Workflow Automation Statistics & Trends For 2024. https://workona.com/pages/workflow-automation-statistics-trends/?utm_source=chatgpt.com
    ↩︎

Share