การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับปี 2022
การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ทำลายความมั่นคงของเศรษฐกิจในของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้ธุรกิจหลายแห่งต้องปิดตัวลง แต่เมื่อเราเริ่มขยับเข้าใกล้ปีที่สองรับตั้งแต่การระบาดของโคโรนาไวรัสและเตรียมตัวที่จะเข้าสู่การหมดไปของปี 2021 เรื่องที่ควรสังเกตคือการที่ธุรกิจเริ่มนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อช่วยให้หลายบริษัท ไม่เพียงแต่อยู่รอด แต่ยังสามารถเติบโตและพร้อมที่จะแข่งขันกับคู่แข่งในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่อยู่ในช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
เทคโนโลยีนั้นได้ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วเพื่ออำนวยความสะดวกเพื่อปูทางให้กับการมาถึงของเทคโนโลยีที่จะมาช่วยเพิ่มโอกาศให้ธุรกิจได้ทำการปรับปรุงวิธีการให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากนี้แล้ว การปลดล๊อกข้อมูลเชิงลึกของเทคโนโลยีของ Industry 4.0 (IR4.0) เช่น AI, Big Data และการทำระบบให้เป็นอัตโนมัติ ซึ่งนี้เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น อีกองค์ประกอบหนึ่งของ IR4.0 คือ Internet of Things (IoT) ได้ปฏิวัติวิธีการซื้อของของมนุษย์ ดังที่พวกเราได้เห็นกันจากกานเติบโตของอุสาหกรรม e-commerce ที่มีการเติบโตมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ให้เกิดขึ้นเร็วยิ่งขึ้นโดยใช้เวลาเพียงแค่สามเดือนหลังจากเกิดโรคระบาดและกฏข้อบังคับล็อกดาวน์ที่บังคับใช้เมื่อปีที่แล้ว
การเปลี่ยนแปลงเป็นระบบดิจิทัล (DX) เป็นกระบวนการในการจัดเตรียมเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กับบริษัทของคุณ เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากการเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทของคุณ การแปลงทางดิจิทัลเกี่ยวข้องกับการย้ายธุรกิจของคุณจากระบบเดิมในองค์กรไปสู่โซลูชันระบบคลาวด์ แนะนำการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค การใช้เครื่องมือการทำงานร่วมกันสำหรับการสื่อสาร และทำให้กระบวนการสำคัญเป็นอัตโนมัติซึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมงเมื่อต้องดำเนินการด้วยตนเอง
กฏข้อบังคับล็อกดาวน์ที่มีการบังคับใช้กันทั่วโลกเพื่อเป็นการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลกลายเป็นเรื่องสำคัญมากยิ่งขึ้นสำหรับหลายๆบริษัท ธุรกิจที่ได้ทำการเปลี่ยนระบบสู่การทำงานบนระบบดิจิทัลแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องการทำงานและสามารถดำเนินงานไปได้โดยไม่หยุดชะงักหรือติดขัดน้อยที่สุดภายในช่วงเวลาที่มีการล๊อคดาวน์ที่เข้มงวด เนื่องจากธุรกิจต่างๆสามารถให้พนักงานของพวกเขาสามารถทำงานจากที่บ้านได้ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทจะสามารถดำเนินงานต่อไปในช่วงเวลาที่มีโรคระบาดได้
ในปี 2022 เริ่มมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งก็คือสายพันธุ์ Omicron ที่เริ่มแพร่กระจายและสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ทำให้การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลกลายเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก ปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆต้องมีการยอมรับว่าโควิด-19 นั้นได้กลายเป็นโรคเฉพาะถิ่น และ เป็นสภาพ “ปกติแบบใหม่” ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของ “สโลแกน” ของรัฐบาลทั่วโลกเพื่อเอาใจมวลชน แต่เป็นความจริงที่เราจะต้องอยู่กับมัน
นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการทำงานที่มาจากการเปลี่ยนแปลงระบบในการทำงานและดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัลแล้ว องค์กรต่างๆยังต้องหากลยุทธ์ที่สอดคล้องกับกลายเปลี่ยนแปลงเพื่อรับมือกับการล็อกดาวน์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกและเศรษฐกิจที่มีการหยุดชะงัก ด้วยตัวเลขจาก Statista ที่ระบุว่าการใช้จ่ายทั่วโลกจากการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลนั้นมีจำนวนสูงถึง 1.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2022 และจะสูงถึง 2.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2025 นี้คือหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับของชุมชนของผู้ทำธุรกิจที่ว่าการเปลี่ยนระบบการดำเนินงานธุรกิจให้เป็นระบบดิจิทัลนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเพื่อรักษาความสามารถของธุรกิจในการแข่งขันกับคู่แข่ง แต่เป็นการทำเพื่อการอยู่รอด
เป็นที่สังเกตุได้ว่า กว่า 58% ของธุรกิจที่ทำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลตั้งแต่เนิ่นๆ จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อบนระบบดิจิทัลได้อย่างราบรื่นมากกว่า ในขณะที่จำนวนดังกว่างมีเพียงแค่ 17% ที่เพิ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่ระบบดิจิทัล บริษัทที่ทำการเปลี่ยนแปลงระบบก่อนเกิดโรคระบาดนั้นกลายเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดย 75% ของบริษัทเหล่านั้นสามารถเติมเต็มตำแหน่งงานทางด้านเทคโนโลยีที่ว่างอยู่ในช่วงที่มีโรคระบาดได้ ในขณะที่ 67% ของธุรกิจเหล่านี้ได้กล่าวว่าพวกเขาได้ทำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลก่อนที่คู่แข่งพวกเขาจะเริ่มทำการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้แล้วอีก 51% ของผู้ตอบแบบสำรวจเดียวกันได้กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลนั้นทำให้พวกเขามีโอกาสเติบโตทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น
ด้านล่างนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่ธุรกิจสามารถได้รับจากการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล:
ทำงานได้ทุกที่ บนทุกอุปกรณ์ ในทุกเวลา
การระบาดใหญ่ของโรคระบาดโควิด-19 ทำให้สถานที่ทำงานที่ใช้ระบบดังเดิมนั้นต้องหยุดชะงัก เนื่องจากพนักงานไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ เป็นดังที่กล่าวไว้ข้างต้น บริษัทที่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงระบบสู่ระบบดิจิทัลนั้นสามารถจัดการกับปัญหาที่มาพร้อมกับโรคระบาดได้อย่างง่ายดายด้วยโซลูชั่นระบบคลาวด์ที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ บนทุกอุปกรณ์ ในทุกช่วงเวลา โดยสิ่งจำเป็นเดียวคือ อินเตอร์เน็ต
ระบบอัตโนมัติ
สำหรับธุรกิจที่ทำการป้อนข้อมูลในระบบด้วยตนเองนั้นจะทำให้ธุรกิจประสบกับปัญหาและนำไปสู่หายนะของการบริหาร โดยเฉพาะผู้บริหารงานในส่วนงานนี้ ไม่เพียงแต่กำลังคนที่จะต้องใช้ในการทำงานนี้และเวลาที่จะต้องเสียไปกับการทำงานเหล่านี้ด้วยตนเอง นอกจากนี้แล้วกระบวนการเหล่านี้ยังมีความเสี่ยงสูงในเรื่องการเกิดข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการป้อนข้อมูลด้วยตนเองอีกด้วย นี้คือสิ่งที่โซลูชั่นระบบคลาวด์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะช่วยเข้ามาแก้ปัญหาด้วยการเสนอระบบอัตโนมัติของเวิร์กโฟลว์ ซึ่งช่วยให้ผู้บริหารในบริษัทสามารถมุ่งเน้นไปที่การวางแผนเชิงกลยุทธ์และการเติบโตของธุรกิจ
การรวมระบบโค้ดต่ำหรือการที่ไม่จำเป็นต้องใช้โค้ดที่ทำได้อย่างง่ายดาย
เป็นเรื่องปกติที่ธุรกิจที่ดำเนินงานบนระบบแบบดังเดิมจะมีการใช้โซลูชั่นภายในบริษัทที่แตกต่างกันไปในแต่ละส่วนงาน สิ่งนี้สร้างสภาพการทำงานที่เป็นระบบไซโลโดยที่การทำงานร่วนกันในแต่ละแผนกนั้นมีเพียงน้อยนิด ส่งผลให้บริษัทขาดการมองเห็นในภาพรวมทั้งหมดของบริษัทและนอกจากนี้แล้วค่าใช้จ่ายในการรวมระบบทั้งหมดที่มีอยู่ให้เป็นหนึ่งเดียวนั้นอาจจะมีราคาสูงมาก การเปลี่ยนมาใช้โซลูชั่นระบบคลาวด์จะทำให้ธุรกิจทำการรวมระบบได้เร็วยิ่งขึ้น สามารถรวมระบบต่างๆเข้าด้วยกันโโยที่ไม่จำเป็นจะต้องเปลืองทรัพยกรทางด้านไอที โซลูชั่นการผสานรวมระบบเหล่านี้สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้การเขียนโค้ดเลย หรือในบางเคส มีการเขียนโค้ดระบบน้อยที่สุด
การมองเห็นธุรกิจของคุณแบบ 360 องศาแบบเรียลไทม์
ลักษณะการทำงานออนไลน์ของโซลูชั่นระบบคลาวด์นั้นมีความหมายว่า ในฐานะผู้ดำเนินงานทางธุรกิจ คุณจะมีข้อได้เปรียบในการมีมุมมองทร่ไม่เคยมีมาก่อนเกี่ยวกับธุรกิจของคุณด้วยการมองเห็นแบบเรียลไทม์ ซึ่งตรงกันข้ามกับการทำงานในระบบดังเดิมที่การอัปเดตนั้นต้องใช้เวลานานมาก เกิดกว่าความจำเป็น โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ดำเนินงานในยุคดิจิทัล
การรายงานและการพยากรณ์ทางการเงินที่มีความมั่นคง
หากคุณเป็นธุรกิจที่ยังคงใช้ระบบการทำงานที่เป็นระบบเดิมอยู่ คุณจะพบว่าการที่จะก้าวตามให้ทันกับธุรกรรมต่างๆภายในองค์กรนั้นกลายเป็นเรื่องยาก นี้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าถึงเวลาแล้วที่คุณจำเป็นจะต้องทำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่มาพร้อมกับระบบใหม่ โซลูชั่นทางการเงินบนระบบคลาวด์ เช่น ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ช่วยให้ธุรกิจมีการรายงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถคาดการณ์การเงินของคุณได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การมีโซลูชันเหล่านี้แบบเรียลไทม์ยังช่วยให้คุณอัปเดตและแจ้งเตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM)
ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องรู้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆเพื่อให้ทันกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของลูกค้า โดยที่โซลูชั่นคลาวด์นั้นมีการนำเสนอเครื่องมือการจัดการกับระบบลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่ให้มุมมองทางธุรกิจแบบเรียลไทม์ของลูกค้า นอกเหนือจากการแจ้งให้คุณทราบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มผู้บริโภค สิ่งนี้ช่วยให้คุณตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมอบการบริการลูกค้าที่ดีที่สุด
การจัดการกับระบบซัพพลายเชน
ทุกวันนี้ข่าวสารเกี่ยวกับการหยุดชะงักของระบบซัพพลายเชนที่คุกคามการทำงานอย่างหนักทั้งหมดที่ทำให้ช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาทำให้ต้องเกิดการหยุดชะงักเกิดขึ้นในธุรกิจ ในสหราชอาณาจักร มีความกลัวว่าการแย่งชิงอย่างบ้าคลั่งซึ่งส่งผลให้เกิดการซื้ออย่างตื่นตระหนกอาจทำให้ชั้นวางว่างเปล่าในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ในยุคที่โควิด-19 แพร่ระบาด ธุรกิจไม่สามารถพึ่งพาการเดาอีกต่อไปเมื่อต้องจัดการกับซัพพลายเชน และส่วนประกอบต่างๆในซัพพลายเชน เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การจัดการคำสั่งซื้อ การควบคุมการผลิต และการวางแผน จำเป็นต้องได้รับการจัดการโดยชุดโซลูชั่นระบบคลาวด์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์สิ่งที่จำเป็นได้อย่างแม่นยำ โดยคำนึงถึงภัยคุกคามจากคลื่นโควิดลูกใหม่ และถูกต้อง คาดการณ์ผลลัพธ์เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงความยุ่งเหยิงของระบบซัพพลายเชนในปัจจุบัน
บทสรุป
เราอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนมากขึ้นเรื่อยๆ การหยุดชะงักเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วก่อนที่จะเกิดโรคระบาด การก้าวกระโดดของเทคโนโลยีอาจมีคนไม่กี่คนที่มองเห็นก่อนที่จะเกิดขึ้น แต่ผลกระทบของมันต่อสังคมและธุรกิจนั้นฝั่งรากลึกไปมากกว่าที่ทุกคนคิด เมื่อการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆเพื่อใช้ในธุรกิจกลายเป็นเรื่องจำเป็นยิ่งขึ้น เรากำลังก้าวไปสู่โลกที่ตรงกันข้ามกันมากขึ้น การประดิษฐ์ที่อาจกลายเป็นความจำเป็น เราไม่ได้คาดหวังว่าเราจะสามารถทำอะไรบนโทรศัพท์มือถือได้เหมือนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
การระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชั่วอายุคนในโลกธุรกิจ ที่ซึ่งผู้ที่เหมาะสมที่สุด เตรียมพร้อมตัวเองด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในชั้นจะทำให้อยู่รอดต่อไปได้ และผู้มีทุนน้อยกว่าถูกทิ้งไว้ข้างหลังและค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ สิ่งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในธุรกิจขนาดเล็กเท่านั้น อันที่จริงแล้วการหยุดชะงักของตลาด ประกอบกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการขาดการแปลงเป็นดิจิทัลส่งผลกระทบต่อบริษัทที่ใหญ่ที่สุดบางแห่งซึ่งเหมาะสมกับแท็ก “พฤติกรรมองค์กร” ที่ยากที่สุด
การดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและทิ้งระบบเดิมไว้เบื้องหลังเพื่อใช้โซลูชันคลาวด์ไม่ใช่ทางเลือกที่หรูหราอีกต่อไป แต่ปัจจุบันกลายเป็นความจำ เพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของทั้งหมด การเตรียมธุรกิจของคุณด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันจะช่วยเตรียมธุรกิจของคุณให้มีความคล่องตัว คุณสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนธุรกิจของคุณไปยังทิศทางที่แตกต่างและให้ผลกำไรโดยอิงจากเครื่องมือคาดการณ์อายุที่ลดลง ข้อมูลที่ค้นพบจะช่วยให้คุณให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ข่าวกรองธุรกิจ (BI) จะช่วยให้คุณปลดล็อกข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญซึ่งจะช่วยให้คุณเติบโต
Oracle NetSuite
Oracle NetSuite เป็นระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรบนระบบคลาวด์ (ERP) ชั้นนำของโลก ซึ่งได้รับการปรับใช้ในบริษัทและบริษัทย่อย 40,000 แห่งใน 160 ประเทศ
Workato
ค้นหาวิธีแนะนำการผสานการทำงานแบบใช้โค้ดน้อย/ไม่มีโค้ดเพื่อเชื่อมต่อระบบของคุณ และเปิดใช้งานเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติ