Generative AI: ขอบเขตใหม่ในโลก iPaaS
องค์กรต่างๆในยุคปัจจุบันนั้นมักจะนำระบบ ซอฟต์แวร์สำหรับการบริการ หรือ SaaS มาใช้ในองค์กรของพวกเขามากขึ้นและพึ่งพาระบบนิเวศของเทคโนโลยีที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การรวมระบบการทำงานทั้งหมดเข้าด้วยกันที่เป็นไปได้อย่างราบรื่นนั้นจึงกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากต่อประสิทธิภาพในการทำงานและขนาดโมเดลการรวมระบบเป็นแพลฟอร์ม หรือ iPaaS ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถเชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นที่ภายในองค์กรใช้งานอยู่และมีความแตกต่างกัน สามารถทำงานด้วยกันได้และเปลี่ยนเวิร์กโฟลว์ทั้งหมดให้กลายเป็นระบบอัตโนมัติ
โซลูชั่น iPaaS จากผู้ให้บริการชั้นนำเช่น Workato มอบความสามารถในการรวมระบบการทำงานและช่วยให้กระบวนการมีความมั่นคงและแข็งแกร่งพอสำหรับการเชื่อมโยงผ่านระบบที่มีความแตกต่างกัน การทำแผนที่ข้อมูลภายในระบบ และการสร้างระบบอัตโนมัติที่มีความซับซ้อนด้วยอินเทอร์เฟซที่แสดงผลแบบภาย มีความเรียบง่าย และสามารถเข้าใจได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ด้วยการมาถึงของระบบ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Generative AI เช่น ChatGPT นั้นสามารถช่วยขยายความเป็นไปได้ในเรื่องความสามารถของการรวมระบบแบบ Low-code / No-code (LCNC) ได้อย่างมาก
ด้วยความสามารถในการประมวลผลของระบบ Generative AI นั้นสามารถช่วยให้เข้าใจบริบทและคำแนะนำในการเขียนกระบวนการทำงานของตนเองได้ สิ่งนี้สามารถเปิดใช้งานการรวมระบบโดยได้รับความช่วยเหลือจากระบบ AI ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคมากนัก ผู้ใช้สามารถสร้างการผสานรวมระหว่างแอปได้โดยเพียงแค่อธิบายขั้นตอนการทำงานที่ต้องการใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย AI จะช่วยแปลคำอธิบายเหล่านี้ เป็นสคริปต์ปฏิบัติการและขั้นตอนในการเชื่อมต่อระบบ
ระบบ Generative AI นั้นยังสามารถสร้างแมปของการทำงานและการแปลงของ สคีมาข้อมูล ได้โดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถขอให้ AI สร้างการแมปข้อมูลระหว่างฟิลด์ลูกค้าในเครื่องมือการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) เช่น Salesforce และฟิลด์ลูกค้าที่เกี่ยวข้องในระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กรบนคลาวด์ (ERP) เช่น Oracle NetSuite AI จะสร้างการแมปฟิลด์ ความสามารถในการบริการตนเองเพื่อแมประหว่างสคีมาตามความจำเป็นสามารถประหยัดเวลาได้มาก
นอกจากนี้แล้วระบบ Generative AI ยังเสนอในเรื่องความชาญฉลาดสู่การออกแบบเวิร์กโฟลว์ที่เป็นการรวมระบบเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น สามารถแนะนำตัวเชื่อมต่อใหม่ที่อาจเกี่ยวข้องกับระบบโดยอ้่งอิงจากการวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานขององค์กร หรืออาจแนะนำแอปพลิเคชั่นและบริการเพิ่มเติมเพื่อช่วยลิงก์ไปยังเวิร์กโฟลว์ที่มีอยู่เพื่อทำให้กระบวนการทั้งหมดกลายเป็นระบบอัตโนมัติอย่างเต็มรูปแบบ
ความสามารถที่ Generative AI สามารถปลดปล่อยออกมาควบคู่กับการทำงานของโซลูชั่น iPaaS นั้นเพิ่มเริ่มต้นเท่านั้น ต่อจากนี้ เราจะมาดูและทำความเข้าใจกับคุณสมบัติและคุณประโยชน์สามประการที่จะเกิดขึ้นเมื่อ generative AI ถูกรวมเข้ากับแพลตฟอร์ม iPaaS เช่น Workato:
สร้างการรวมระบบที่ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย
Generative AI สามารถช่วยให้ผู้ใช้แพลตฟอร์มเช่น Workato นั้นสามารถสร้างสูตรการทำงานได้โดยระบุเงื่อนไขของการทำงานเป็นภาษาธรรมดาที่ผู้ใช้สามารถเข้าใจได้ง่าย
การแมปสคีมาข้อมูลโดยอัตโนมัติ
ความสามาถของ AI ในด้านการสร้างสรรค์จะช่วยสร้างแมปที่ผู้ใช้ต้องการและสามารถนำไปใช้ได้ระหว่างโมเดลข้อมูลต่างๆภายในองค์กร และขจัดความจำเป็นในการสร้างแมปฟิลด์ได้ด้วยตนเอง
คำแนะนำตัวเชื่อมต่อระบที่เป็นอัจฉริยะ
Generative AI สามารถช่วยวิเคราะห์รูปแบบการใช้งานขององค์กรและแนะนำตัวเชื่อมต่อใหม่ที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบการทำงาน โดยที่สามารถรวมสแต็กการทำงานภายในองค์กรได้มากยิ่งขึ้น และทำให้ระบบเวิร์กโฟลว์กลายเป็นอัตโนมัติ
ข้อสรุปสุดท้าย
เนื่องจากโซลูชั่น iPaaS นั้นมีความมุ่งหวังให้ผู้ใช้ทางธุรกิจสามารถเข้าถึงการรวมระบบได้มากขึ้น Generative AI จึงเป็นวิวัฒนาการขั้นต่อไป ด้วยการปรับปรุงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ผ่านโซลูชั่นอย่าง Workato นั้นสามารถช่วยให้องค์กรขยายกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าบทบาททางด้ายการเทคนิค ในขณะเดียวกัน ยังสามารถช่วยเปิดการใช้งานที่รวมระบบขององค์กรที่เชื่อมต่อทางธุรกิจที่มีความสำคัญสูง
อนาคตขององค์กรที่เปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลนั้น ถูกเขียนขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างมนุษย์และ Generative AI นั้นช่วยให้องค์กรมีความสามารถในการเขียนกฎใหม่สำหรับการรวมระบบเพื่อช่วยให้ธุรกิจปรับตัวและแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว