ประสิทธิภาพตอนนี้: วิธีการของ Workato ในการปรับสแต็คของคุณให้เหมาะสมและเพิ่มความปลอดภัย
กระบวนการขับเคลื่อนประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจในยุคปัจจุบันนั้นค่อนข้างมีความซับซ้อนสูงเนื่องจากการแพร่กระจายของระบบ Software-as-a-Service (SaaS) โดยที่องค์กรต่างๆนั้นได้นำมาใช้เพื่อให้มีแอปพลิเคชั่นที่จัดการกับระบบที่มีความซับซ้อนและปัญหาต่างๆในองค์กร
จากข้อมูลที่ได้จากการศึกษาของ Productiv ในหัวข้อของ “The State of SaaS Sprawl” ที่เผยให้เห็นว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ธุรกิจต่างๆ เลือกที่จะใช้แอปพลิเคชั่นโดยรวมทั้งหมดกว่า 254 แอปพลิเคชั่น ในขณะที่บริษัทขนาดใหญ่นั้นใช้แอปพลิเคชั่นกว่า 364 ตัวในการทำงาน
แม้ว่าจะประโยชน์ของการใช้โซลูชั่นพิเศษเพื่อจัดการกับปัญหาเฉพาะจุด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงเรื่องการขาดประสิทธิภาพในการทำงาน การเสียทรัพยากร และการรั่วไหลของข้อมูลต่างเมื่อโซลูชั่นไม่ได้มีการผสานรวมกัน เมื่อต้องดำเนินการด้วยตนเอง ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่พึ่งพาฝ่ายไอทีขององค์กร
มีรายงานว่า โดยเฉลี่ยแล้ว บริษัทแห่งหนึ่งเสียเงินกว่า 135,000 เหรียญสหรัฐไปกับแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งาน โดย 38% ของค่าใช้จ่ายด้านใบอนุญาตซอฟต์แวร์นั้นสูงจนน่าตกใจที่เติมเชื้อเพลิงให้กับโซลูชั่นที่แทบไม่ได้ใช้งานโดยธุรกิจ
Shadow IT เป็นคำนิยามโซลูชั่นที่พนักงานเลือกที่จะใช้โดยที่แผนกไอทีไม่ได้รับรู้ถึงการทำงานในส่วนนี้ รายงานของ Produtiv ได้กล่าวว่ากว่า 56% ของแอปพลิเคชั่นที่บริษัทต่างๆใช้ในระบบนั้นเป็นแอปพลิเคชั่นที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทีมไอที สิ่งนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมากเนื่องจากมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยต่อข้อมูลภายในบริษัท
เมื่อทรางถึงปัญหาเหล่านี้ Workato ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาแก้ปัญหาด้วยการใช้แพลตฟอร์ม iPaaS ได้ริเริ่มระบบ “Efficiency Now” ซี่งเป็นตัวเร่งความเร็วทางด้านธุรกิจให้ บริษัทต่างๆก้าวไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการลดแอปพลิเคชั่นที่ไม่ได้ใช้งานออกจากระบบ
ด้วยการเร่งความเร็วจากใช้ “Efficiency Now” ช่วยให้การมองเห็นของแอปพลิเคชั่นนั้นมีทั้งตอนที่ใช้แอปอยู่และมีการใช้งานน้อยภายในองค์กร สามารถปรับขนาดตามความต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยที่มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญดังนี้:
การเพิ่มประสิทธิภาพ Tech Stack โดยการลดต้นทุนรวมของการเป็นเจ้าของ (TCO)
วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมผ่านการส่งออก API หรือ CSV ระบุแอปพลิเคชันที่ไม่ได้ใช้งานหรือไม่ได้ใช้ และกำหนดโซลูชันสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพกองเทคโนโลยีที่จะลด TCO ในที่สุด
ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำการรวบรวมผ่านการส่งออกผ่านระบบ API หรือผ่านไฟล์ CSV ที่ช่วยระบุแอปพลิเคชั่นต่างๆที่ไม่ได้มีการใช้งานและกำหนดโซลูชั่นสำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านเทคโนโลยีที่จะลดต้นทุน TCO ในที่สุด
ระบบ Back Office ที่มีการทำงานโดยอัตโนมัติ
ให้องค์กรของคุณทำงานได้อย่างเต็มที่และคุ้มกับเงินที่ได้ลงทุนไปด้วยการดึงมูลค่าสูงสุดจากโซลูชั่นที่ได้รับอนุญาตผ่านระบบอัตโนมัติของเวิร์กโฟลว์ในการทำงาน
ระบบอัตโนมัติของส่วน Front Office
ไม่มีการจำกัดจำนวนของเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติที่คุณสามารถเริ่มต้นสำหรับโซลูชั่นต่างๆ ที่สร้างสแต็กของคุณ ตั้งแต่การจัดการเรื่องทรัพยากรมนุษย์ไปจนถึงกระบวนการทางการเงินและการบัญชี ความเป็นไปได้ทุกอย่างนั้นไม่มีทที่สิ้นสุด ด้วยระบบอัตโนมัติของส่วน Front Office จะสามารถทำให้เห็นประสิทธิภาพการดำเนินงานและผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งหมดไป (ROI) ในทันทีโดยการดึงข้อมูลจากแอปทั้งหมดที่คุณใช้
ตัวเลขของ Workato
- Payless ลดต้นทุนการดำเนินงานลง 40% และรวมเทคโนโลยีมากกว่า 500 รายการเข้าด้วยกัน ระยะเวลาที่ใช้ในการสร้างตั้งแต่เริ่มต้นคำสั่งซื้อบนเว็บไซต์ทั้งหมดใช้เวลาเพียง 10 วัน
- ทีมทรัพยากรบุคคลของ Hubspot ประหยัดเวลาได้มากกว่า 100 ชั่วโมงผ่านระบบอัตโนมัติของกระบวนการตรวจสอบข้อมูลสำหรับพนักงานใหม่
- การเร่งความเร็วของวงจรการสั่งซื้อสู่เงินสด (O2C) ของ Slack หลังจากดำเนินการ 90% ของกระบวนการโดยอัตโนมัติ
- Terminus แพลตฟอร์มการตลาดตามบัญชีช่วยประหยัดเงินได้มากกว่า 1,000 ต่อปี นอกเหนือจากการคาดการณ์กระแสเงินสดแบบละเอียดแล้ว ยังได้รับเงินคืน 30,000 เหรียญสหรัฐต่อปีเพียงแค่เปลี่ยนระบบมิดเดิลแวร์สามระบบ
ข้อคิดสุดท้าย
ด้วยการทำงานของ SaaS ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถเลือกใช้โซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการและจัดที่สำคัญที่สุดที่สามารถช่วยระบุจุดบกพร่องของการทำงานได้ทันที แต่ทว่า เป็นเรื่องน่าเสียดายทีธุรกิจต่างๆ ไม่ได้เผชิญกับความยากลำบอกในการทำงานเพียงแค่อย่างเดียว เนื่องจากธรรมชาติของธุรกิจที่มีการเติบโตสูงในยุคดิจิทัลนั้น ทำให้องค์กรต่างๆต้องเผชิญกับปัญกาต่างๆที่จำเป็นต้องใช้โซลูชั่นที่ดีที่สุดเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
โดยที่สุดแล้ว การทำงานของธุรกิจในยุคดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วนั้นอาจจะมาพร้อมกับปัญหาและการทำงานที่มากองรวมกันเหมือนภูเขา สิ่งนี้จะทำให้ข้อมูลจบลงในรูปแบบการทำงานแบบไซโล ทำให้มีพื้นที่การทำงานรวมกันระหว่างแผนกน้อยมาก กลายเป็นว่ากระบวนการทำงานทั้งหลายจะต้องเป็นการทำด้วยตนเอง หนึ่งในสี่ของแอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาตยังไม่ได้ใช้งาน และส่วนใหญ่ถูกใช้งานโดยไม่ได้รับการรับรู้จากฝ่ายไอที
นี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าวิธีการดำเนินการธุรกิจแบบนี้นั้นไม่ใช่วิธีการที่ยั่งยืน การเพิ่มค่าใช้จ่ายจำนวนมากในรูปแบบของการเพิ่มแอปพลิเคชั่นในการทำงานนั้นไม่ใช้เรื่องง่าย ธุรกิจจำเป็นจะต้องมีมุมมองแบบรวม กระบวนการที่ทำในรูปแบบแมนนวลนั้นมีความเสี่ยงสูงในเรื่องการเกิดข้อผิดพลาด และปัญหาด้านความปลอดภัยที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ Shadow IT นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย
Efficiency Now นั้นทำหน้าที่เป็นตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญเมื่อได้มีการนำไปใช้แล้ว จะช่วยให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับงานด้าน ROI ที่มีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มูลค่าปัจจุบันสุทธิที่เพิ่มขึ้น และการปรับปรุงระดับการผลิตที่ยอดเยี่ยม ในฐานะธุรกิจในยุคดิจิทัล คุณไม่สามารถเป็นผู้ยืนดูเฉยๆ ได้ เนื่องจากคู่แข่งของคุณติดตั้งเทคโนโลยีคลาวด์ที่ทันสมัยที่สุด ถึงเวลาแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของธุรกิจคุณ!
